วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

การดำเนินชีวิตของปรัชญาโก้วเล้ง

การดำเนินชีวิต
ของปราชญ์ผู้เรืองปัญญานามว่าโก้วเล้ง ปรัชญาการดำเนินชีวิตของโก้วเ้ล้ง จากบทความหนังสือเรื่อง ปรัชญาโก้วเล้ง ตอนหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า

"อยู่อย่างคนต้องดิ้นรนมาก
เพราะทุกขั้น ทุกขณะของชีวิตล้วนต้องมีอุปสรรค
ผู้ใดไม่บากบั่น ย่อมมิอาจยืนหยัดได้อย่างสง่าผ่าเผย
ในชีวิตต้องดิ้นรนอย่างยากเย็น ความสำเร็จจะอยู่สืบไป"

การดำเนินชีวิตในปัจจุบันก็เฉกเช่นละครบทหนึ่ง วันใดได้รับบทดีก็ดีไป วันใดได้รับบทร้ายก็ต้องอดทน

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิถีชีวิตที่พอเพียงและเพียงพอของคนแพร่

ยึดภูมิปัญญาท้องถิ่นในการทำมาหากิน ใช้ชีวิตตามอัตภาพ ไม่ยุ่งเกี่ยวอบายมุข "หม้อ ฮ้อม ไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม" คำขวัญ จ.แพร่ บ่งบอกได้ดีถึงความเป็นจังหวัดที่สงบสุขและมีวัฒนธรรมยาวนานถ้าดูกันในด้าน เศรษฐกิจแล้ว แพร่เป็นจังหวัดที่ค่อนข้างยากจน ตกอยู่ในอันดับท้ายๆ ในจำนวน 17 จังหวัดภาคเหนือ เพราะสภาพภูมิประเทศโดยรวมของพื้นที่แม้จะมีมากถึง 4 ล้านไร่เศษ แต่กว่าร้อยละ 80 เป็นป่าเขา ซึ่งตามกฎหมายแล้วไม่สามารถใช้เป็นพื้นที่ทำกินได้เหลือพื้นที่ใช้สอยเพียง ร้อยละ 20 ซึ่งครึ่งหนึ่งถูกใช้เป็นพื้นที่อยู่อาศัย ทำให้พื้นที่ทำกินจริงๆ มีเพียงร้อยละ 10 หรือเพียง 4 แสนกว่าไร่เท่านั้นเทียบกับประชากรปัจจุบันที่มี 4.7 แสนคน ก็เรียกได้ว่ามีพื้นที่ไม่ถึง 1 ไร่ต่อประชากรแต่ละคน แต่จังหวัดแพร่ กลับถูกจัดอันดับจากโครงการ Child Watch ให้ เป็นจังหวัดที่น่าอยู่อันดับ 1 ของประเทศไทยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานี้ สอดคล้องกับรายงานสุขภาพไทยคนไทยปี 2550 ที่บ่งชี้ว่าความสุขมวลรวมของภาคเหนือจะสูงกว่าทุกภาคในประเทศไทยโดยปัจจัย สำคัญที่นำมาสู่ความสุขที่ยั่งยืนก็คือ "วิถีชีวิตแบบพอเพียง" ปลาย ปี 2550 นี้ จังหวัดแพร่ได้รับเลือกในฐานะตัวแทน 17 จังหวัดภาคเหนือ เป็นเจ้าภาพจัด "งานสร้างสุขภาคเหนือ" ปี 2550 ว่าด้วย "สุขแบบพอดี ด้วยวิถีพอเพียง" ที่สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นพ.ชาญ ชัย ศิลปอวยชัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ กล่าวว่า แน่ใจว่าแม้แพร่จะเป็นจังหวัดที่ยากจน แต่ประชาชนมีความสุข ครอบครัวอบอุ่น จำนวนเยาวชนที่เรียนต่อมหาวิทยาลัยเป็นอันดับ 1 ของภาคเหนือ ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับการศึกษาของบุตร นอกจากนั้นเมืองแพร่ไม่มีปัญหาเรื่องเยาวชน แก๊งค์วัยรุ่น เด็กเมืองแพร่ส่วนใหญ่ยังนิยมไปวัดกับพ่อแม่ เมื่อเห็นว่าในเรื่องสุขภาวะน่าจะพออวดคนอื่นได้ จึงได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานสร้างสุข ที่จะเกิดขึ้นในเดือน พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ "สถาบัน พัฒนาผู้นำท้องถิ่น" ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.สูงเม่น ก็เป็นตัวอย่างสำคัญอย่างหนึ่งที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่จะหยิบยกขึ้น มาเป็นตัวอย่างให้ผู้มาเยือนจากจังหวัดอื่นๆ ได้ชมในแง่ของการปลูกฝังเรื่องแนวคิดความเป็นอยู่ตามวิถีพอเพียงให้กับ ประชากร สถาบัน พัฒนาผู้นำท้องถิ่นนี้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2548 โดย อบจ.แพร่ เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ ถ่ายทอดเทคโนโลยี สอนวิชาชีพด้านต่างๆ ให้เกษตรกรและผู้สนใจสามารถนำไปทำจริงตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยในพื้นที่ของสถาบัน จะมีการสาธิตกิจกรรมหลากหลาย แต่ที่โดดเด่นและได้รับความสนใจอย่างมากก็คือ การสาธิตการเลี้ยงหมูหลุม หรือการเลี้ยงหมูอินทรีย์ ไว้บนหลุมที่ใส่ดิน แกลบและเกลือ ให้หมูกินผักตลอดทั้งวัน มีการผสมสมุนไพร จุลินทรีย์ผลไม้ในน้ำดื่มให้เข้าไปในร่างกายหมูทำให้มูลของหมูไม่เหม็นและ ยังมีการราดพื้นคอกด้วยน้ำจุลินทรีย์ที่หมักเองทำให้คอกไม่มีกลิ่น และยังได้ปุ๋ยจากพื้นคอกเอาไปใส่ผักแทนปุ๋ยเคมีได้อีกด้วย การเลี้ยงกบคอนโดนคือการเลี้ยงกบไว้ในยางรถยนต์ที่เรียงสูงเป็นชั้นๆ โดยยาง 1 วงจะเลี้ยงกบได้ 50 ตัว ซึ่งการเลี้ยงแบบนี้แทบจะไม่ต้องลงทุนเลย เพราะตอนกลางวันจะใช้ฝาชีครอบไว้ ตกกลางคืนจะเปิดฝาชีและเปิดหลอดไฟเหนือยางรถยนต์ เพื่อล่อให้แมลงมาตอมไฟแล้วตกลงไปเป็นอาหารของกบ ซึ่งใช้เวลาเลี้ยงแค่ 2 เดือน จะได้กบตัวโต (3 ตัว 1 กิโลกรัม) ขายได้กิโลกรัมละ 2บาท นอก จากนั้นยังมีการสาธิตการเลี้ยงไข่มดแดง ที่ไม่ต้องลงทุนเช่นกัน โดยการเอาอาหารและน้ำไปผูกไว้กับต้นไม้ ภายใน 7 วันจะมีมดแดงมาทำรังประมาณ 10 รัง ผ่านไป 20 วันจะมีถึง 60 รัง สร้างรายได้ได้มากขนาดที่ขายมะม่วงหมดทั้งต้น ยังได้ถูกกว่าขายไข่มดแดงซึ่งขายได้ถึงกิโลกรัมละ 200 บาท นับว่าเป็นวิถีชีวิตพอเพียงแบบภูมิปัญญาชาวบ้านที่ไม่ต้องลงทุนเลย "ทั้ง หมดจะเน้นภูมิปัญญาชาวบ้าน คือเอาชาวบ้านมาสอนชาวบ้าน ไม่เอานักวิชาการหรือเจ้าหน้าที่เกษตรมาสอน แต่จะให้มาเรียนกับชาวบ้าน ซึ่งสถาบันรูปแบบนี้นับว่าเป็นแห่งแรก ในประเทศไทย" นพ.ชาญชัยกล่าว อ้อย ใจ บุญหล้า ผอ.สถาบันพัฒนาผู้นำท้องถิ่น กล่าวว่าเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาสถาบันถูกใช้เป็นสถานที่จัดอบรมมาแล้วกว่า 100 โครงการทั้งการอบรมอาชีพให้เกษตรกรทั้งในแพร่และในจังหวัดใกล้เคียง และอบรมเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 17 จังหวัดภาคเหนือ ผลที่เห็นเป็นรูปธรรมก็คือตอนนี้มีเกษตรกรกว่า 200 รายที่เลี้ยงหมูหลุมในจ.แพร่ "เชื่อ ว่าสถาบันฯ สามารถช่วยชาวบ้านได้เยอะมาก เพราะพวกเขาไม่มีที่พึ่งพิงที่ไหน หากเขามีอาชีพก็จะสามารถสร้างรายได้พึ่งตนเองได้ โดยอาชีพที่แนะนำที่นี่ไม่ต้องใช้การลงทุนมาก และหากไม่มีทุนจริงๆ ที่นี่ก็พร้อมสนับสนุน" อ้อยใจกล่าว

นอก จากให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นอยู่อย่างพอเพียงของประชาชนในจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังได้ให้ความสำคัญกับความสุขทางใจ เรื่องของวัฒนธรรม ที่จะมีการจัดพื้นที่บวกทางสังคมเพื่อให้เด็กและเยาวชนมาแสดงออกที่ "ลานวัฒนธรรม" และการให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เช่นที่ "คุ้มเจ้าหลวง" ซึ่งเป็นบ้านของเจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย อายุกว่า 115 ปี ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจนได้รับรางวัล "สถาปัตยกรรมไทยดีเด่น" จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ซึ่งมีเพียง 2 แห่งเท่านั้นคือ จ.แพร่ และ จ.พระนครศรีอยุธยา อาคารหลังนี้จึงนับว่าเป็นโบราณสถานที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลป วัฒนธรรมของชาวแพร่ที่มีมนต์ขลัง เรียก ได้ว่าจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจและน่าศึกษาว่าทำไมประชาชนชาวแพร่ถึง เป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย

ขอขอบคุณบทความจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

บทความการดำเนินชีวิตที่ดี























ใกล้จะสิ้นปี แล้ว
ลองทิ้งเรื่องวุ่นวายรอบๆตัวเราไว้ก่อน
แล้วอ่านเรื่องต่อไปนี้
เหมือนเป็นลายแทงไปค้นหาความสุข ความสำเร็จ
ให้ตัวเราได้ ไม่เลวเลย

ความสุข..ความสำเร็จ

เรื่องมีอยู่ว่า อาจารย์ท่านหนึ่งลากเส้นตรงขึ้นมาเส้นหนึ่ง
แล้วบอกให้นักเรียนลองทำให้เส้นตรงเส้นนี้สั้นลงโดยไม่ต้องลบ
นักเรียนต่างหาวิธีทำให้เส้นตรงนั้นสั้นลงไม่ได้
เพราะทุกคนติดอยู่กับภาพลักษณ์
ของการลบเส้นเดิมทิ้งไปเพื่อให้เส้นเดิมสั้นลงไป

อาจารย์ท่านนั้นจึงขอให้นักเรียนรายหนึ่ง
เขียนเส้นตรงเส้นใหม่ที่ยาวกว่าเส้นเดิม
ภายหลังจากที่นักเรียนลากเส้นตรงเส้นใหม่ที่ยาวกว่าเดิมแล้ว
อาจารย์ท่านนั้นอธิบายให้นักเรียนฟังว่า

การที่มีคนลากเส้นตรงขึ้นมาเส้นหนึ่ง
ไม่ว่าเส้นตรงที่ลากมาจะยาวแค่ไหน
เราสามารถทำให้เส้นตรงนั้นสั้นลงไปได้
โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปลบเส้นของคนอื่นให้สั้นลง
แต่เราสามารถทำให้เส้นของคนอื่นสั้นลง
โดยที่เราลากเส้นของเราให้ยาวขึ้น

ยิ่งเราลากเส้นยาวออกไปมากเท่าไหร่
เส้นเดิมที่ลากไว้ก็จะสั้นลงไปทุกที
เปรียบเหมือนการที่ใครซักคน
ทำในสิ่งหนึ่งที่ดีอยู่ประสบความสำเร็จอยู่

เราไม่ควรให้ความอิจฉาริษามาก่อให้จิตของเรารุ่มร้อน
และหาทางกลั่นแกล้งคนๆนั้นด้วยการหาทางทำลาย
เหมือนกับการพยายามลบเส้นของคนอื่นให้สั้นลง

ตรงกันข้ามควรจะยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น
เหมือนกับที่เรามองความยาวของเส้นตรงที่คนอื่นลากไว้
แต่เราหาทางพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนกับการพยายามลากเส้นตรงเส้นใหม่
ให้ยาวขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ไปลบเส้นของคนอื่น
เส้นตรงที่เราลากก็จะยาวขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่เส้นเดิมที่คนอื่นลากไว้ก็จะสั้นลงไปเรื่อยๆ
โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปลบออกให้สั้นลง"

การคิดในเชิงสร้างสรรค์แบบนี้ทำให้จิตใจของเราโปร่งสบาย ไม่รุ่มร้อน
เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ได้แข่งกับใคร
แต่เราแข่งกับตัวของเราเองอยู่ตลอดเวลา
และเราไม่ได้ไปสร้างศัตรูหรือไปก่อเวรกับคนอื่น

ตรงกันข้ามการแข่งขันระหว่างกันเป็นไปในทางเกื้อผมลกัน
ทำให้ระบบโดยรวมมีการเติบโตอยู่ตลอดเวลาไปในทางที่เป็นบวก
คงไม่สำคัญว่าคุณต้องชนะคนทั้งหมด

สิ่งสำคัญคงอยู่ที่คุณพยายามชนะตัวของคุณเองอยู่ตลอดเวลาต่างหาก
เพียงแต่เมื่อใดคุณสามารถชนะตัวของคุณเองได้
ชัยชนะที่ได้ก็จะมีความหมายและทำให้คุณเกิดความภูมิใจ
และถ้าคุณยังไม่หยุดพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง คุณก็จะชนะตัวคุณไปเรื่อยๆ
เมื่อคุณมองย้อนกลับมาเมื่อไหร่คุณก็จะมีแต่ความภูมิใจในชัยชนะที่ขาวสะอาด
ชัยชนะที่เป็นแรงขับดันให้คุณพยายามพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

การประสพความสำเร็จในชีวิตของแต่ละคนมีอยู่หลายวิธี
บางครั้งผู้คนต่างพยายามเลียนแบบเส้นทางประสพความสำเร็จของผู้อื่น
แต่เมื่อเดินตามเส้นทางนั้นกลับพบว่าไม่ประสพความสำเร็จนัก

ความสำเร็จในชีวิตของผู้คนคงไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบอย่างเดียวกันเสมอไป
และเส้นทางไปสู่ความสำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเส้นทางเดียวกันเสมอไป
สิ่งสำคัญน่าจะอยู่ที่ความสุขใจที่ได้เลือกเส้นทางที่เหมาะกับตนเองมากที่สุดมากกว่า

จงอย่าพยายามเลียนแบบเส้นทางไปสู่ความสุขของผู้อื่น
เพราะนิยามความสุขของผู้คนต่างกัน
ความสุขที่เราเห็นผู้คนอื่นมีความสุขกันอยู่
ถ้าเราไปอยู่ในสถานะนั้นเราอาจจะไม่มีความสุขอย่างที่เราเข้าใจก็ได้
สุขและทุกข์แท้จริงอยู่ที่ใจของเรากำหนดต่างหาก
ลองมองทุกอย่าง อย่างเป็นกลางๆ
ไม่เอาความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง อคติ มาครอบงำ
แล้ววันหนึ่งเราอาจจะค้นพบความหมาย
ของคำว่าความสุขที่แท้จริงของตัวเราเอง
ขอบคุณบมความจาก boybdream.com ครับ